วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ปีเตอร์ เคราช์










ปีเตอร์ เคราช์กองหน้าร่างเปรต


แอบมีลุ้นทำสถิติใหม่ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกหากเบิกร่องตาข่ายเอซี มิลานในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ได้

ดาวยิงวัย 26 ปีทำไปแล้ว 7 ประตู

ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ซึ่งนั่นหมายความเทียบเท่าโรเจอร์ ฮันท์และสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดที่ทำได้สูงสุดในหนึ่งซีซั่นแต่จะทะยานมากกว่าเป็นสถิติใหม่ของสโมสรหากยิง"ปิศาจแดงดำ"ได้จริงๆ

"ผมเคยฝันถึงการยิงประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิง"

"ตอนนี้ผมสามารถทำให้ความฝันที่ว่าเป็นจริงได้แล้ว ผมอยากเล่นรอบชิงและยิงประตู ผมจะทำทุกๆอย่างเพื่อเมคชัวร์ว่าผมจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่อยู่ในสนามที่เอเธนส์"

"หนึ่งในเหตุผลที่ผมย้ายมาเล่น

กับลิเวอร์พูลคือพยายามบรรลุผลสำเร็จอะไรแบบนี้แหละ ตอนที่ผมย้ายมาพวกเขาเพิ่งคว้าแชมป์มาเมื่อปี 2005 และผมเชื่ออยู่เสมอๆว่าสโมสรแห่งนี้สามารถทำเรื่องวิเศษๆได้อย่างต่อเนื่องแน่"

"นี่คือสโมสรที่สุดวิเศษที่มีผู้จัดการทีม

ฝีมือดีพาทีมคว้าชัยนับไม่ถ้วน การได้เข้าชิงอีกครั้งเป็นความสำเร็จที่เยี่ยมเหลือเกินแต่เราต้องไปต่อและตอนนี้ต้องซิวมันมาครองให้ได้"

นอกจากนี้เคราช์ยังพูดถึงบรรยากาศ

ในค่ำคืนสุดหอมหวานที่แอนฟิลด์หลังชนะจุดโทษเชลซีต่อไปว่า"โอย สนุกมาก,อะไรต่อมิอะไรถูกโยนมั่วไปหมด,เสียงตะโกนโหวกเหวกแต่มันไม่บ่อยเลยที่คุณจะได้เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกและเพื่อนๆก็กำลังเฮฮากับตัวเอ นั่นคือเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว"

"จอร์จ ยิลเล็ตต์เข้ามาในห้องแต่งตัว

ด้วยแต่ผมไม่คิดว่าเขาคงมองอะไรไม่ชัดเท่าไหรเพราะฝ้าขึ้นแว่นตาเขาตลอด"

"มีอยู่ช่วงนึงที่เราพยายามโยนเข้าลงอ่าง ผมว่าเขาได้รับการต้อนรับต่อฟุตบอลอังกฤษของจริงแล้วล่ะ!"

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2550

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550

กลอนเพราะๆ ครับ อ่านเล่นครับ





New Anfield

ที่ระลึกในเกมส์สุดมันส์ Liverpool VS Everton






"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ชิพ จะยังคงรักษาอัฒจันทร์ฝั่งค็อป เอนด์ อันมีชื่อเสียงเอาไว้ เมื่อย้ายไปใช้สนามแห่งใหม่ที่มีความจุ 60,000 ที่นั่งที่สแตนลีย์ พาร์ค ในปี 2010 จากการรายงานเมื่อวันพุธที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมาภาพจำลองสนามแห่งใหม่จากคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่า อัฒจันทร์ฝั่งค็อป เอนด์ ซึ่งมีความจุ 18,000 ที่นั่ง เป็นส่วนประกอบสำคัญของงานออกแบบซึ่งแตกต่างไปจากสังเวียนแข้งใหม่ๆ หลายแห่งที่มักออกแบบเป็นรูปชามอ่างสโมสรแห่งศึกพรีเมียร์ชิพได้ยื่นแผนการอย่างเป็นทางการต่อสภาเมืองลิเวอร์พูล สำหรับการพัฒนาเมืองด้วยเงินจำนวน 300 ล้านปอนด์ (21,000 ล้านบาท) ซึ่งการย้ายมาใช้สนามแห่งใหม่อาจเป็นการทำลายความรู้สึกของแฟนบอลที่ยังคงผูกพันกับแอนฟิลด์ แต่ ริค แพร์รี่ ประธานบริหารสโมสร ลิเวอร์พูล ชี้ว่าอัฒจันทร์ฝั่งค็อป เอนด์แห่งใหม่จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของสังเวียนแข้งนัดเหย้าแห่งนี้"เราไม่เคยลืมศูนย์รวมสำคัญของเดอะค็อป มันจะมีความจุเพิ่มถึง 18,000 ที่นั่งซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของสนามแห่งใหม่ ความลาดเอียงของอัฒจันทร์จะสูงขึ้นและที่นั่งใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ขณะที่หลังคาซึ่งออกแบบให้สะท้อนเสียงจะยิ่งเพิ่มบรรยากาศอันเร้าใจในระหว่างการแข่งขัน" แพร์รี่ กล่าวปัจจุบันสนามแอนฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล มีความจุเพียง 45,000 ที่นั่ง น้อยกว่าทีมคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีสนามความจุถึง 76,000 ที่นั่งและ อาร์เซน่อล ที่มีสนามจุถึง 60,000 ที่นั่ง แม้กระทั่งทีมอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็ยังมีสังเวียนแข้งที่ใหญ่กว่าสตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดมิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ได้ออกมากล่าวว่าการรักษาอัฒจันทร์ฝั่งค็อป เอนด์ เอาไว้มีความสำคัญอย่างยิ่ง"การที่อัฒจันทร์ฝั่งค็อป เอนด์ จะถูกนำมารวมในสนามแห่งใหม่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม ผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่กับแผนการนี้ ผมเคยลงเล่นในสนามที่ยิ่งใหญ่มาหลายแห่ง แต่นี่เป็นสิ่งที่พิเศษอย่างยิ่ง" เจอร์ราร์ด กล่าวสำหรับสนามแห่งใหม่ของ ลิเวอร์พูล ได้รับการออกแบบโดย เอชเคเอส บริษัทสถาปนิกอเมริกา ผู้เคยออกแบบสนามกีฬาสำคัญมาแล้วหลายแห่ง ทั้ง ด็อดเจอร์ สเตเดี้ยม ในลอสแองเจลิสและสนามแห่งใหม่ของ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส แชมป์ซูเปอร์โบวล์ทีมล่าสุด






วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ืำnew the kops

เรื่องที่ควรรู้ ( การเรียนแบบรวดเร็วแบบเด็กอัจริยะ)


เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะสร้างลูกให้เป็นอัจฉริยะ

1. ต้องไม่ตั้งใจให้ลูกเป็นอัจฉริยะ
2. ต้องดูว่าลูกทำอะไรได้ดีที่สุดพ่อแม่ต้องรีบสนับสนุนทันที
3. อย่าบังคับขู่เข็ญว่าลูกต้องเป็นตามที่พ่อแม่ต้องการ
4. ให้ลูกได้มีโอกาสเจอกับคนอื่น โดยเฉพาะคนเก่งๆ เพื่อให้ช่วยกระตุ้นศักยภาพออกมา
5. พ่อแม่ต้องทุ่มเวลาและความเข้าใจในการเลี้ยงดู เพราะอัจฉริยภาพนั้นเริ่มจากความรัก ให้ลูกทำในสิ่งที่รักแล้วจะเป็นอัจฉริยะได้อย่างมีความสุข
6. พ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกทำงานทุกชิ้นให้สำเร็จ ฝึกให้เป็นคนทำงานหนัก เพราะในโลกนี้ไม่มีอัจฉริยะคนใดขี้เกียจเลย และ
7. พ่อแม่ที่ให้ลูกเรียนเก่งอย่างเดียว ท้ายที่สุดจะพบความล้มเหลวในการทำงานในอนาคต จึงอยากให้พ่อแม่ฝึกให้ลูกรับผิดชอบกับตนเองรอบด้าน ไม่ใช่เรื่องเรียนอย่างเดียว



เด็กทุกคนเกิดมามีศักยภาพในการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม การเรียนรู้และศักยภาพภายในที่ซ่อนอยู่ในแต่ละเรื่อง และเด็ก 1 ในหมื่นคนของแต่ละสาขาต้องเป็นอัจฉริยบุคคลได้ ดังนั้น พ่อแม่จึงต้องสอนจากสิ่งที่เขาเก่ง ค้นพบจุดเด่นว่าเด็กเก่งจริง ส่วนโรงเรียนต้องมีหน้าที่สร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็กให้สอดคล้องกับศักยภาพของเขาให้มากที่สุด\" เป็นคำพูดของ ผศ.ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการศึกษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ผู้กล่าวได้ว่าเป็นนักวิชาการด้านเด็กอัจริยะที่มีชื่อคนหนึ่งของประเทศไทย ปัจจุบันเป็นประธานศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก มศว ศูนย์แห่งนี้ จะทำการวัดแววความสามารถของเด็ก เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมความรู้ความสามารถของเด็กได้ตามศักยภาพที่แท้จริง

ความสามารถของมนุษย์นั้น ผศ.ดร.อุษณีย์ บอกว่าจัดได้ 10 กลุ่ม คือ กลุ่มภาษา กลุ่มคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การเคลื่อนไหว ดนตรี ศิลปะ สังคม อารมณ์ การช่างและอิเล็กทรอนิกส์ และญาณปัญญา โดยทั่วไปเด็กอัจฉริยะนั้นจะต้องแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างน้อย 1 ด้าน ซึ่งบางคนอาจจะมีความโดดเด่นเพียงด้านเดียวหรือหลายด้านก็ได้
การวัดแววความสามารถของเด็กนั้น จะนำไปสู่การส่งเสริมการเรียนการสอนตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน เพราะหากลูกมีแววอีกด้านหนึ่ง แต่พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องการให้ลูกเป็นอีกอย่างหนึ่ง จะเป็นการทำร้ายลูกไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

วิธีการวัดแววความสามารถเด็กก็ไม่ได้ยุ่งยาก แค่เพียง พ่อ แม่ ผู้ปกครอง พาเด็กมาที่ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก เจ้าหน้าที่จะให้เด็กเล่นตามความสนใจในมุมต่างๆ เช่น มุมวิทยาศาสตร์ มุมคณิตศาสตร์ มุมสังคมศึกษา มุมภาษา มุมดนตรี มุมอารมณ์และสังคม ฯลฯ โดยทุกมุมได้ออกแบบสื่อและกิจกรรมที่ใช้ทฤษฎีหลายทฤษฎี เช่น ทฤษฎีการพัฒนาความคิดระดับสูง ทฤษฎีทางด้านจิตวิทยาเพื่อกระตุ้นให้เด็กแสดงพฤติกรรมและความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในให้ออกมาปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีการสอบที่ถือเป็นการรีดเค้นทักษะศักยภาพ และไม่ใช่ความสามารถที่แท้จริง

แต่ละมุมจะมีเกม จิ๊กซอว์ ของเล่น เช่น กล้องจุลทรรศน์ โน้ตบุ๊ค สัตว์ ผลไม้ รวมถึงภาพโปสเตอร์ แผนที่ หนังสือที่มีภาพประกอบ ฯลฯ เพื่อสังเกตถึงแววความถนัดและภาวะอารมณ์และสังคมของเด็ก รวมถึงข้อมูลจากแบบสอบถามและสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ปกครองเพื่อทดสอบระดับสติปัญญา (ไอคิว) ที่สำคัญศูนย์ดังกล่าวไม่ได้เน้นตรวจสอบไอคิวอย่างเดียว แต่เน้นตรวจสอบเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ และสิ่งที่เด็กแสดงออกในศูนย์ เด็กแต่ละคน จะเข้ามาทำกิจกรรมในศูนย์ประมาณ 12 ครั้ง ตามความสะดวกของผู้ปกครอง

ซึ่งศูนย์จะมีชุดแบบสำรวจแววอัจฉริยะจำนวน 3 เล่ม ได้แก่ 1. รู้จักและเข้าใจอัจฉริยะจิ๋ว 2. สำรวจแววลูกน้อย และ 3. แบบสำรวจแววอัจฉริยะ พร้อมซีดี และเอกสารวัดแววความสามารถเด็กทั้ง 9 แวว ให้ด้วย

เมื่อทำกิจกรรมครบ 12 ครั้ง จะมีคณะกรรมการ ประกอบด้วย แพทย์ นักจิตวิทยา นักการศึกษาพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา และนักวิชาการประจำศูนย์ รวมทั้งนักวิชาการสาขาที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประเมินผลความถนัดและภาวะอารมณ์ สังคม ความคิด ความถนัดพิเศษและจิตใจของเด็ก หากพบผู้ที่มีความสามารถพิเศษด้านต่างๆ จะบอกให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อจะได้ส่งเสริมให้ถูกทางต่อไป และให้ความรู้พ่อแม่เกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความถนัดของเด็ก รวมถึงการพัฒนาทางอารมณ์ สังคมและจิตใจในกรณีของเด็กปกติด้วย

โดยจะมีการเชิญผู้ปกครองมาพูดคุยเพื่อแนะนำการพัฒนาลูกเป็นรายๆ ไป ขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญที่สุด เพราะว่าผู้ปกครองอาจจะไม่เข้าใจลูก บางคนมีความคาดหวังกับลูกสูง บางคนเลี้ยงดูลูกมาผิดๆ การเปลี่ยนความคิด วิธีการต่างๆ จึงเป็นเรื่องยาก เราต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบจิตใจของผู้ปกครอง แต่ในขณะเดียวกันต้องหาทางให้พ่อแม่พัฒนาลูกให้ถูกทางด้วย
\"เวลาที่เด็กแต่ละคนทำกิจกรรม ในศูนย์จะเล่นโดยอิสระ โดยมีผู้ปกครองรอด้านนอก และมีแบบสอบถามให้ผู้ปกครองกรอกด้วย โดยขอความร่วมมือว่าต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และจะรับเด็กไม่มาก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างละเอียด โดยหนึ่งคนต้องดูแลเด็กประมาณ 5 คน ถ้ามากกว่านี้อาจจะเสี่ยงต่อการผิดพลาดได้\" ผศ.อุษณีย์ กล่าว

สาระน่ารู้ Liverpoolfc.tv


ประวัติของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล... ประวัติศาสตร์หน้าแรกของ สโมสร ลิเวอร์พูล ต้องบันทึกว่า ก่อเกิดจาก เอฟเวอร์ตัน สโมสรคู่ปรับประจำเมืองตลอดกาล โดยเกิดจากการแตกแยกกันของผู้บริหารนั่นเอง แต่เราจะย้อนถึงอดีต ก่อนที่จะถึงการกำเนิดของ Everton FC. เสียด้วยเมื่อเทศมนตรีเมืองได้มีมติอนุมัติ สร้างโบสถ์หลังใหม่ และโรงเรียนวันอาทิตย์ แทนโบสถ์เก่า 3 หลัง ของเมืองทีมีสภาพที่ทรุดโทรม และก็ได้ข้อสรุป คือ สร้างที่ ถนน.เบร็ดฟิลด์ นอร์ธ เขต Everton ในเดือน พฤษภาคม 1870 โดยมีขื่อว่า เซนต์ โดมิงโก ซึ่งเป็นศาสนสถานที่ของชาวคริสต์ ในเมืองลิเวอร์พูล โดยเฉพาะวันอาทิตย์โบสถ์แห่งนี้ เป็นแหล่งชุมชนของ ชนชั้นกลางและกรรมกร และต่างก็มีกิจกรรมร่วมกัน คือ กีฬา นั้นเองและก็ทำให้ชื่อเสียงของ โบสถ์ เซนต์ โดมิงโก เป็นที่แพร่หลาย เริ่มจากทีม คริกเก็ต ของ นักเรียนโรงเรียน เซนต์ โดมิงโก ซึ่งสามารถชนะทุกทีมที่แข่ง เป็นจุดเริ่มของการรวมพลเชียร์ แต่ทว่า คริกเก็ต เป็นกีฬาช่วง หน้าร้อนเท่านั้น แต่ยังคงมีกีฬา เบสบอล ที่จะว่าเป็นที่นิยมมากในขณะนั้นเด็กๆ ได้ร้องขอคณะสงฆ์ ขอจัดตั้งทีมฟุตบอล (สมัยก่อนไม่มีใครนิยมเล่นกีฬาชนิดนี้ ) แต่เป็นกีฬา รักบี้ ที่เป็นที่นิยมกันมาก แต่คณะสงฆ์ก็ได้อนุมัติให้จัดตั้งทีม ฟุตบอล โดยใช้ชื่อว่า สโมสร เซนต์ โดมิงโก ในปี 1878 ในยุคนี้ 1878 - 1886 มีสโมสรฟุตบอลเกิดขึ้นมากกว่า 150 สโมสร และ สโมสร เซนต์ โดมิงโก ได้สร้างความประทับใจให้กับ แฟนบอลเมือง ลิเวอร์พูล และสโมสรแห่งนี้ก้ได้กลายมาเป็น Everton FC. ในเวลาต่อมาจากการบันทึกพบว่า เอฟเวอร์ตัน ลงแข่งฟุตบอลอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกพบกับ เซนต์ ปีเตอร์ส เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 1879 และก็คว้าชัยได้ด้วย ต่อมาปี 1880 เอฟเวอร์ตัน เข้าร่วมฟุตบอล ลีก ของสมาคม แลงคาเชียร์ ซึ่งต้องพบกันทีมต่างๆเช่น โบลตัน หรือ เบอร์เคนเฮด แต่สนามเหย้าของ เอฟเวอร์ตัน ขณะนั้นก็คือ สวนสาธารณะ Stanley Park ต่อมาสมาคมฟุตบอล แลงคาเชียร์ ออกกฏว่า ทุกทีมต้องมีสนามเหย้า เป็นของตัวเอง ทำให้ Everton ต้องประชุมด่วนที่ โรงแรม แซนดอน ซึ่งโรงแรมนี้เป็นของ จอหน์ โฮลดิ้ง JOHN HOULDING นายกเทศมนตรีเมือง ลิเวอร์พูลนักการเมืองพรรคอนุรักษ์นิยม เป็นผู้ก่อตั้งสโมสร" LIVERPOOL FC. " และ " EVERTON FC. " โฮลดิ้ง เป็นผู้คลั่งไคล้ในกีฬาลูกหนังเป็นอย่างมาก เขายังมีตำแหน่งเป็น นายกเทศมนตรี เมือง ลิเวอร์พูล พรรคอนุรักษ์นิยม และเขาก็สามารถผลักดันให้ใช้ ที่ว่าง ถนนเพอรี่ย์ สร้างสนามฟุตบอล โดยมีการจ่ายค่าเช่าตอบแทน จากนั้นไม่นาน เจ้าของที่ก็ต้องการที่ดินคืน ทำให้ จอหน์ ต้องติดต่อกับ จอหน์ โอร์เรล ให้กับ เอฟเวอร์ตัน เช่าที่ราคาถูก และในวันที่ 28 กันยายน 1884 เอฟเวอร์ตัน ได้แข่งนัดแรกที่ Anfield โดยชนะ เอิร์ลสทาวน์ ด้วยสกอร์ 5 - 1 นานวันเข้า เอฟเวอร์ตัน ก็เป็นทีมประจำเมือง ลิเวอร์พูล โดยปริยาย จอหน์ โฮลดิ้ง ได้สร้างอัฒจรรย์เพิ่ม แฟนบอลต่างเข้ามาชมกันมากขึ้น กว่า 8,000 คน จนกระทั่งในปี 1888 ได้จัดให้มีสมาคมฟุตบอลอังกฤษ( F.A.) และระบบนักเตะอาชีพก็เกิดขึ้น ในปี 1885 โดยช่วงแรกนักเตะจะได้รับค่าจ้าง 3 ปอนด์/สัปดาห์ และก็มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอีกก็คือ บรรดากรรมกรในเมืองลิเวอร์พูล ได้เรียกร้อง ให้มีการหยุดเพิ่มขึ้นจากเดิม วันอาทิตย์ 1 วัน ขอหยุดเพิ่มในช่วงบ่ายของวันเสาร์ (ในสมัยก่อน ลิเวอร์พูล เป็นเมืองท่าสำคัญ และอุตสาหกรรมการต่อเรือ ของอังกฤษ มีกรรมกรทำงานที่นี่เยอะมากๆ )สโมสร Everton ที่รุ่งเรือง ก็มีจุดเปลี่ยนจนได้เมื่อ จอหน์ โอร์เรล เจ้าของที่เพื่อนซื้ของ โฮลดิ้ง ได้ยกเลิกที่จะให้เช่าสนาม Anfield หลังจากที่เป็นของ Everton กว่า 7 ปี แต่ โฮลดิ้งก็พยายามที่จะขอซื้อ แต่ โอร์เรล ก็โก่งราคาสูงมากๆ โดย จอหน์ โฮลดิ้ง ต้องการ Anfield แห่งนี้เป็นของ Everton แต่สมาชิก 279 คนไม่ยอม และก็เกิด จุดแตกหักกันได้ก็คือ 15 มีนาคม 1892 เอฟเวอร์ตัน ได้ย้ายไปที่สนามใหม่ก็คือ กูดิสันปาร์ค และปล่อยให้ Anfield ล้างมีแต่สนามเปล่าๆ กับ อัฒจรรย์โล้นๆ และจอหน์ โฮลดิ้ง กับ จอหน์ โอร์เรล (เจ้าของที่ว่างเปล่า) ดูเหมือนว่า เอฟเวอร์ตัน จะไปได้สวยกับสนามแห่งใหม่ ขณะที่ Anfield ไม่มีอะไรที่ดีขึ้นเลย แต่ทว่า โฮลดิ้ง ไม่ยอมแพ้ เขาสร้างทีมฟุตบอลใหม่และก็ได้ตั้งชื่อสโมสรว่า LIVERPOOL FC. ตามชื่อเมืองนั่นเองในปี 1892 LIVERPOOL FC. ก็อยู่ที่สนาม Anfield และถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1892 นี้เอง (EST.1892) และจอหน์ โฮลดิ้ง ก็ได้พยายามขอจัดตั้งสโมสรฟุตบอล โดยขอสมัครเป็นสมาชิกกับ สมาคมฟุตบอล แต่เขาก็รู้ว่าต้องไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะยังเป็นสโมสรใหม่อยู่ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาได้พบกับ จอหน์ แม็คแคนน่า ผู้รู้ใจเพื่อนสนิทชาว ไอริช ซึ่ง แม็คแคนน่า เป็นคนที่คลั่งไคล้ฟุตบอลมาก และเขาเคยเป็นอดีตนักรักบี้เก่าด้วย

you'll never walk alone


ถ้าคุณคือ the kops เข้ามาดูกันบ้างนะครับ

หวังให้ไกลแล้วไปด้วยกันทีละก้าว
เหมือนฤดูกาลที่แล้วเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้ เหลืออีกไม่กี่วันเท่านั้นที่ศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ จะเปิดฉากขึ้น โดย ลิเวอร์พูล จะประเดิมสนามในเกมเยือน แอสตัน วิลล่า วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2007 และเป็นการเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความหวังอีกครั้ง 17 ปีที่แชมป์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีไม่เคยกลับสู่แอนฟิลด์ ช่วงเวลาแห่งการรอคอยอันยาวนาน ช่วงเวลาที่หลายคนไม่อยากรอคอยมันอีกต่อไป แต่กระนั้นทุกอย่างต้องรอจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคมปีหน้า จึงจะได้บทสรุปอย่างเป็นทางการไม่ว่าใครจะมาบั่นทอนกำลังใจ หรือความฝันความหวังของเราชาว "เดอะ ค็อป" แต่ก็ไม่มีใครห้ามความคิดของเราได้ ถึงกระนั้นเราก็ได้แต่เดินไปทีละก้าวๆ เดินไปด้วยกัน เพื่อเรียนรู้สัจธรรมของวลีประจำสโมสรที่ว่าYou'll never walk alone...